วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

คนเปิดกรรม // IN MY ARM

" กรรม " แปลว่า การกระทำ           
  หรือ  กริยา =  ปฏิกริยา และนั่นก็คือ  ACTION = REACTION ผู้ชายคนนี้เคยบอกฉันว่า.....

ชีวิตฉันจะต้องเป็นยังไงในอนาคต ???  หน้าตากรรมของฉันเป็นแบบนี้ ???  ฉันฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจ

เรื่องในอดีต...เรื่องในชีวิตที่แล้ว ( ชาติก่อน ) แต่...พอไปกรรมฐาน 555  ก็เลยย้อนถามคุณหม่อมว่า...

คุณยังบอกฉันไม่หมดนี่นา ( ง่า...ไม่เป็นไรฉันไปรู้เองแล้ว )  นึกไปนึกมา...ก็สำนึกได้ว่า คงไม่มีใคร

อยากทำร้ายคนที่รักเรา  แต่ทว่าเมื่อเราลงมือทำไปแล้ว ใครล่ะ...จะเป็นผู้แก้

      
         ก่อนเข้าพรรษาฉันอ่านหนังสือเล่มหนึ่งของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโกเรื่อง วาสนาสร้างเองได้

และอีกเล่มหนึ่งคือ เรื่อง  อธิวาสนา ของหลวงปู่ชา สุภัทโท ทำให้ฉันรู้สึกเสียดายกับวันเวลาที่ตัวเองได้

ทำมันหล่นหายไป  แบบ(ไม่)ตั้งใจ ...ในเรื่องของความรัก  คำพูดของคุณหม่อม  ทำให้ฉันอยากก้าวข้าม

วาระกรรมของตัวเองเป็นที่สุด  ค่ะ...และนี่คือที่มาของการเขียนบล็อคของฉัน เริ่มจากวันที่ 8 เดือน 8 ปีนี้


เมื่อก่อนหน้านี้ฉันเคยมีคุณสายลมที่แสนดีเป็นคนรักเมื่อหลายปีก่อน แต่ฉันก็เป็นแค่พระจันทร์ดวงหนึ่งที่

มีความอ่อนไหว  พร้อมจะเป็นข้างขึ้นข้างแรมได้เสมอ  และพระจันทร์อย่างฉันก็ทำให้สายลมที่แสนดี

ต้องเสียใจถึง 2 ครั้ง 2 ครา   จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่ฉันต้องเดินคนเดียวอีกครั้ง   เวลาร่วม 3 ปีที่ไม่ได้

พบกัน ฉันก็รับรู้ว่าสายลมน้อยๆ ก็กลายไปเป็นพายุลูกใหญ่ๆได้เหมือนกัน ...ฉันเองก็รู้สึกสำนึกผิดอยู่

ในใจ    ....และ อยากจะทำอะไรเพื่อขออโหสิกรรมกับคุณสายลมซะที  


      
         ฉันตัดสินใจมาเจริญกรรมฐานทำวัตรเช้า-เย็นที่วัดป่าแห่งนี้ตลอดพรรษา ให้ครบ 88 วัน ตั้งแต่ 

7 กรกฎาคม เพื่อหวังว่าวันหนึ่งพายุในใจของสายลมน้อยจะหายไป  ฉันแอบส่งข้อความไปยังเมล์

ของสายลมน้อยอันหนึ่ง ซึ่งนานมากและคิดว่าเธอคงไม่ได้ใช้เมล์นี้แล้ว  ผ่านไปร่วมกลางพรรษา

ฉันแปลกใจมากที่ได้รับเมล์จากเธอ  เพราะอยู่ๆเธอก็นึกอย่างไรไม่รู้ไปเปิดเมล์เก่าอันนั้นอ่าน และ

พบข้อความของฉัน (นี่มันยังไม่สิ้นพรรษาเลยนะสายลมน้อย) ...เธอบอกว่า เธอยกอโหสิกรรมให้ฉัน


จริงๆ แล้วฉันตั้งสัจจอธิษฐานปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้เธอ  88 วัน ... แต่มันได้รับผลเร็วเกินคาด


เพราะเราคุยกันแทบไม่ได้  และฉันรู้ว่าเธอก็ไม่อยากติดต่อกับฉันแล้ว  ฉันดีใจถึงการรับรู้็ของเธอ

ที่เลือกจะให้อภัยทานแก่ฉันและฉันสัญญาตั้งใจจะทำต่อไปให้ถึงออกพรรษา 4 ต.ค.นี้ 




            ฉันอยากเอาตัวเองพิสูจน์กับคำพูดของคุณหม่อม กับสิ่งที่ฉันเชื่อมั่นว่า ...วาสนาสร้างเองได้...


หากฉันจะแก้กรรมก็ต้องแก้จากจิตของฉันเอง  ฉันเลือกจะเปลี่ยนกรรมของตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างให้

คนอื่นได้เห็น และวันนี้ฉันก็ทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง   และอีกครึ่งที่เหลือที่ฉันหวังไว้ ถ้ามันสำเร็จ...ฉัน


อาจจะปิดบล็อคนี้ลง  และคุณสายลมคนดีก็คงไปมีชีวิตที่มีความสุข




           ขอให้บล็อคนี้เป็นบล็อคที่ปิดทองหลังพระของฉันที่ทำไว้ให้กับผู้หญิงแสนดีคนหนึ่ง...ซึ่งเธอคน

นั้นจะไม่มีวันรับรู้เรื่องราวของบล็อคนี้เลย       




อ้อ ...คุณหม่อมคะถ้าฉันเปลี่ยนเหตุการณ์ในอนาคตได้ 

คุณจะว่าอย่างไร........... ^________^





  



วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

หนังผีกับผีจริง

คุณว่าผีน่ากลัวไม๊...

โดยส่วนตัว ฉันคิดว่า เขาเหล่านั้นน่าสงสารมากๆ

คืนก่อนที่ฉันจำวัดอยู่ในเจดีย์ มีแม่ชีและครอบครัวมาจากจันทบุรี

แม่ชีท่านนี้ภาวนาเก่งมาก รู้วาระจิตของคนรอบข้างว่าคิดอย่างไร

ไปสวรรค์-นรกมาแล้วตามญาณสมาบัติที่ตัวเองได้ฝึกฝนอย่างดี

แต่ทว่าท่านก็มีกรรม....ลูกสาวผีเข้ามาแล้ว 10 กว่าปีไม่สามารถช่วยได้

แม่ชีมากราบขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ ซึ่งฉันก็นั่งฟังอยู่ไกลๆ

ระหว่างที่แม่ชีรอ พวกเรานั่งสมาธิกันอยู่ ฉันเห็นเด็กคนนี้แล้ว

พร้อมกับสัมผัสได้ถึงความลุกลี้ลุกลนในตัวเด็ก

ขณะนั้นเจดีย์ปิดไฟเกือบหมด เหลือไฟรี่ไว้นนิดเดียว พอเห็นแสงลางๆ

แม่ชีท่านนึงที่นั่งติดกันบอกฉันว่า...แกเห็นเงาดำๆผ่านไปผ่านมา

ฉันนั่งหัวเราะในใจ คืนนี้คงสนุก... ^__^

เมื่อหลวงพ่อท่านมานั่งสนทนากับเด็กคนที่มีวิญญานแฝงกับโยมแม่ชีและโยมพ่อ

ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้พูดจาได้ฉะฉานและเรียบร้อย ไม่แสดงอาการใดๆ

หลวงพ่อตะโกนถามแม่ชีท่านนึงว่า เด็กคนนี้ผีเข้าเอาไงดี

แม่ชีก็เข้าไปพิจารณาตัวเด็ก ฉันเองก็ขยับไปนั่งหลังเด็กคนนี้

หลวงพ่อก็มองหน้า เหมือนจะรู้ว่าฉันอยากลองของ

แม่ชีของเด็กก็มองหน้าฉันหลายรอบมองแล้วมองอีก... ฉันก็หัวเราะ

แล้วหลวงพ่อก็เลยสั่งให้ครอบครัวนี้พากันนอนที่วัด และให้แม่ชีท่านนั้นพาเด็กไปกุฏิก่อน

ฉันลุ้นอยู่ว่าเด็กจะได้นอนกุฏิไหน พอรู้ว่านอนกับแม่ชีจิตร ฉันรู้ผีตัวนี้คงซ่าไม่ได้

เพราะแม่ชีท่านนี้เก่ง ...ส่วนแม่ชีที่พาไปส่งก็เล่าว่าพอลงจากเจดีย์ก็แปลงร่างทันที

พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดจาไวไม่เหมือนคน แล้วก็ต่อว่าพระโน่น...นี่...นั่น จะไม่ยอมนอนวัด

ตามประสาวิญญานที่หนีมาเกิด แม่ชีท่านนี้ก็เก่งตะล่อมจนวิญญานดวงนี้ตายใจ ยอมอยู่

หลวงพ่อท่านก็ให้ธรรมะกับผีตนนี้ว่า...อยู่กับเค้าก็ช่วยเค้าเรียนหนังสือด้วยสิ

2 หัวช่วยกันคิด ดูซิเนี่ยเค้าเรียนหนังสือไม่จบก็เพราะเรา (ผีมันจะเข้าใจไม๊น๊า)

แล้วครอบครัวนี้พอฟ้าสางก็จากไป...

...ส่วนฉันมานั่งนึกถึงหนังผีที่เราดูๆกัน ก็ภูมิใจว่า...แหมได้ดูของจริงอีกแล้ว

ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้เห็น มันบ่อยจนนึกสนุกไปแล้ว แต่คงไม่เหมาะกับคนจิตอ่อน 555

จริงๆผีหรือวิญญานที่มีทุกข์ ก็เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่ต้องการความช่วยเหลือ

เนื่องจากเวลาที่เป็นมนุษย์ไม่ได้สะสมบุญเอาไว้ ไม่มีต้นทุนทางความดี ไม่มีพลังบวก

พอทิ้งกายหยาบจากโลกนี้ไป เลยเป็นพลังงานลบ ที่หาความสุขไม่ได้

ฉันแผ่เมตตาทุกคืน...ให้ทุกๆพลังงานทั่วทั้งอนันตจักรวาลได้รับกันไป

จะมากหรือน้อยก็ตามแต่จริตของพลังงานแต่ละดวง

ฉันหวังว่า เมื่อวันหนึ่งที่ฉันต้องกลายไปเป็นพลังงานบ้าง

ก็คงเป็นพลังงานดีๆ...ที่สร้างความสุขให้แก่คนทั่วไป

แล้วคุณล่ะคิดว่าไง...อยากเป็นพลังงานดีๆ เหมือนกันบ้างหรือปล่าวนะ.....

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

บ้านที่แท้จริง

...เมื่อคืนนี้ หลัง 4ทุ่ม พอทำวัตรเย็น

บวกเดินจงกลมสลับกับนั่งภาวนาเสร็จ

ฉันก็กระโดดขึ้นสตาร์ท รถจะกลับบ้าน

หลวงพ่อบุญช่วย เจ้าอาวาส ท่านลงมาจากเจดีย์

เจอฉันก็เลยถามว่า...

+++ ยังจะกลับบ้านอีกหรือโยม +++

ฉันกราบเรียนว่า...ต้องกลับไปทำงานค่ัะ

แ้ล้วท่านก็เดินจากไป ...ทิ้งปริศนาธรรมให้คิดอีกแล้ว

ฉันทำวัตรเย็นมาแล้ว 61 วันในพรรษานี้ไม่เคยขาดเลย

และเป็นคนเดียวที่ไม่นอนกุฏิ ซึ่งไม่เหมือนผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆ

มีอยู่ 1 คืนที่ฉันถือ...เนสัชชิก รู้ตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา

เป็นเพื่อนร่วมกับ ดร.(...........) อ.คณะพาณิชศาสตร์และการบัญชี  ธรรมศาสตร์

ซึ่ง ดร.ท่านนี้มาปฏิบัติธรรมด้วยเหตุจากความวุ่นวายในที่ทำงาน

ท่านต้องแผ่เมตตามากกว่าคนทั่วไปถึงวันละ สิบๆ รอบ

และสุดท้ายท่านก็ชนะ....อิอิอิ

ช่วงหลังๆมานี้ ฉันนอนที่วัดบ่อยขึ้น แต่อาศัยนอนในรถตัวเองซะส่วนใหญ่

รอทำวัตรเช้าตี 4 เสร็จก็กลับไปทำงาน

เมื่อมานึกทบทวนถึงคำว่า " บ้าน "

ก็ได้ปัญญาธรรมข้อนึงว่า...บ้านที่แท้จริง...

ไม่ได้อยู่ในชีวิตมนุษย์ของโลกใบนี้ และไม่ใช่ชีวิตที่มีลมหายใจนี้

เป็นเพียงชีวิตชั่วคราวเท่านั้น ที่เกิด-ดับ...เกิด-ดับ ไม่รู้จักจบ

ฉันเอง...วันนึงก็ต้องกลับบ้าน( เก่า )

แต่...ก็ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตในบ้านชั่วคราวนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

อิอิ...แล้วคุณล่ะ ...ได้ทำบ้านชั่วคราวของคุณให้ดีหรือยัง???

จงทำบ้านของคุณให้มีความสุข...ด้วยสติปัญญาของคุณเองนะคะ

^_^